ประกันรถยนต์ 2+ คุ้มครองอะไรบ้าง
ถ้ากำลังมองหาประกันภัยรถยนต์ที่มีความคุ้มครองครอบคลุมมากที่สุดก็คงหนีไม่พ้นประกันชั้น1 ส่วนประกันที่มีความคุ้มครองรองลงมา คือ ประกัน2+ นั่นเอง ประกันชั้น 2 พลัส จะแตกต่างกับประกันชั้น1 เพียงเล็กน้อยอย่างเช่นเรื่องของวงเงิน และการคุ้มครองการชนเมื่อไม่มีคู่กรณี Newlorry จะมาแชร์ให้ได้อ่านกันว่า ประกันรถยนต์2+ คุ้มครองอะไรบ้าง มีความแตกต่างจากประกันชั้น1 และประกันรถยนต์ชั้น 2 ธรรมดาอย่างไร ไปดูกันเลย
คุ้มครองคู่กรณี
- ให้ความคุ้มครองชีวิต ร่างกายของคู่กรณีเมื่อได้รับการบาดเจ็บ หรือ เสียชีวิต
- คุ้มครองทรัพย์สินของคู่กรณี อย่างการซ่อมรถยนต์ให้กับคู่กรณีเมื่อเราเป็นฝ่ายผิด
คุ้มครองรถยนต์
- คุ้มครองรถยนต์จากเหตุการชนแบบมีคู่กรณี เฉพาะรถชนรถ เท่านั้น !
- คุ้มครองเมื่อรถยนต์เกิดเหตุสูญหาย
- คุ้มครองเมื่อรถยนต์ได้รับความเสียหายจากเหตุไฟไหม้
- คุ้มครองรถยนต์จากเหตุน้ำท่วม (มีเฉพาะบางแผนความคุ้มครอง)
คุ้มครองคนในรถของคู่กรณี
- คุ้มครองค่ารักษาพยาบาล ซึ่งเป็นส่วนที่เบิกเพิ่มเติมได้จากวงเงิน พ.ร.บ. รถยนต์
- คุ้มครองอุบัติเหตุส่วนบุคคล
- มีวงเงินสำหรับการประกันตัวผู้ขับขี่
ประกันรถยนต์ 2+ คุ้มครองอะไรบ้าง ?
ซ่อมเขา + ซ่อมเรา + รถชนรถ + รถหาย + รถไฟไหม้ + รถน้ำท่วม (บางแผนความคุ้มครอง)
ประกันชั้น 2 พลัส ดีกว่าประกันชั้น1 อย่างไร
เมื่อได้ทราบไปแล้วว่า ประกันรถยนต์ 2 พลัส คุ้มครองอะไรบ้าง ต่อมาลองมาดูกันค่ะว่า ประกัน 2 พลัส นั้นมีข้อดีอะไรบ้าง
1. ประกัน 2 บวก มีราคาถูกกว่าประกันชั้น1 เกือบเท่าตัว ! เรียกได้ว่ามีเงินแค่หลักพันก็สามารถทำประกันรถยนต์2+ ได้แล้ว แต่ก็ต้องยอมรับว่า วงเงินความคุ้มครองต่าง ๆ ทุนประกันก็อาจจะสู้ประกันชั้น1 ไม่ได้
2. ประกัน 2+ คือ ประกันที่เหมาะมาก ๆ สำหรับคนที่มีความมั่นใจในการขับขี่ของตัวเอง ถ้าให้พูดกันตามตรงก็คือเหมาะกับคนที่มีประสบการณ์การขับขี่มาแล้วนั่นเอง ขอแค่ไม่ไปขับรถชนเสา ชนประตูก็พอแล้วแหละค่ะ
อ่านเพิ่มเติม : ประกันชั้น1 คุ้มครองอะไรบ้าง ถ้าไม่อ่านอย่าเพิ่งทำประกันภัย !
ประกัน 2 พลัส ต่างจาก ประกันชั้น1 อย่างไร
นอกเหนือจากจำนวนวงเงิน ทุนประกันภัย ที่แตกต่างกันแล้ว เรื่องของความคุ้มครองก็แตกต่างด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะความคุ้มครองในเรื่องของการชน ซึ่งจะเปรียบเทียบแบบง่าย ๆ ชัด ๆ คือ
ประกันภัยรถยนต์ 2 พลัส : ผู้ทำประกันจะสามารถเคลมประกันได้เฉพาะกรณีที่รถเสียหายจากเหตุ รถชนรถ เท่านั้น !
หากรถยนต์ได้รับความเสียหายจากการชนแบบไม่มีคู่กรณี เช่น การถอยชนประตู ชนเสาไฟ ชนกระถางต้นไม้ ฯลฯ จะไม่สามารถเคลมประกันชั้น 2 ได้เลย
ผู้ทำประกันรถยนต์ 2+ จำเป็นที่จะต้องโทรแจ้งบริษัทประกันภัยทันทีที่เกิดเหตุเพื่อเคลมสดทันที ไม่สามารถเคลมแห้งแบบประกันชั้น 1 ได้
ประกันชั้น1 : ไม่ว่าจะเป็นการชนแบบมีคู่กรณี หรือ ไม่มีคู่กรณี ประกันรถยนต์ชั้น1 ก็สามารถเคลมประกันได้หมด เคลมสด เคลมแห้ง ไม่มีปัญหา
แต่การแจ้งเคลมแบบไม่มีคู่กรณี หากความเสียหายของรถยนต์ไม่เข้าข่ายบุบ หัก แตก ร้าว หรือระบุไม่ได้ว่าความเสียหายนี้เกิดจากอะไร ผู้ทำประกันก็จะต้องเสียค่าเสียหายส่วนแรก (Excess) เงื่อนไขละ 1,000 บาท
เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้ก็อาจจะสงสัยว่า ประกันรถยนต์ 2+ กับ ประกันชั้น 2 ธรรมดา ต่างกันอย่างไร ตามไปดูกันเลยว่า ประกันชั้น 2 คุ้มครองอะไรบ้าง
ประกันชั้น 2 คุ้มครองอะไรบ้าง
ประกันชั้น 2 เป็นประกันที่มีความคุ้มครองไม่ค่อยคุ้มค่าสักเท่าไหร่ ทำให้ได้รับความนิยมค่อนข้างน้อยสุด ๆ จนติดลบ มาดูกันค่ะว่า ประกันรถยนต์ชั้น 2 คุ้มครองอะไรบ้าง
ซ่อมเขา + ไม่ซ่อมเรา + คุ้มครองรถหาย + รถไฟไหม้
คุ้มครองคู่กรณี
- ความคุ้มครองชีวิต ร่างกายของคู่กรณีเมื่อได้รับการบาดเจ็บ หรือ เสียชีวิต
- คุ้มครองทรัพย์สินของคู่กรณี เช่น การซ่อมรถยนต์ให้กับคู่กรณี
คุ้มครองรถยนต์
- ไม่คุ้มครองรถยนต์ของเราจากการชนเลย !
- คุ้มครองเมื่อรถยนต์เกิดเหตุสูญหาย
- คุ้มครองเมื่อรถยนต์ได้รับความเสียหายจากเหตุไฟไหม้
คุ้มครองคนในรถของคู่กรณี
- คุ้มครองค่ารักษาพยาบาล ซึ่งเป็นส่วนที่เบิกเพิ่มเติมได้จากวงเงิน พ.ร.บ. รถยนต์
- คุ้มครองอุบัติเหตุส่วนบุคคล
- มีวงเงินสำหรับการประกันตัวผู้ขับขี่
ประกันชั้น2+ ไม่คุ้มครองอะไรบ้าง
ไม่คุ้มครองการชนแบบไม่มีคู่กรณี ที่ไม่ใช่ยานพาหนะทางบก เช่น ขับชนต้นไม้ ชนฟุตบาท ชนรั้ว เฉี่ยวเสา (ถ้าคู่กรณีไม่ใช่รถยนต์ ก็จะแจ้งเคลมประกันรถยนต์ 2+ ไม่ได้)
หากเกิดเหตุรถชนจนได้รับความเสียหายแต่จำทะเบียนรถของคู่กรณีไม่ได้ อารมณ์ประมาณว่าโดนชนแล้วหนี ประกันรถยนต์ 2+ ก็ไม่คุ้มครองเช่นกัน ต้องควักเงินจ่ายค่าซ่อมรถเองวนไปยาว ๆ
เมื่อพอทราบกันแล้วว่า ประกันรถยนต์ 2+ คุ้มครองอะไรบ้าง ก่อนการตัดสินใจซื้อประกัน 2 พลัส ก็อย่าลืมดูแผนความคุ้มครองดี ๆ เพราะจะมีความคุ้มครองบางแผนที่จะต้องเสียค่าเสียหายส่วนแรกจำนวน 2,000 บาท ก่อนที่จะนำรถยนต์เข้าเคลมประกันนั่นเองค่ะ เพื่อความคุ้มค่าก็อย่าลืมเปรียบเทียบประกันรถยนต์ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อด้วย รับรองว่าคุ้มค่าสุด ๆ